Sunday, November 4, 2012

Posted by GU On 2:22 AM
การปลูกยางพาราให้ประสบผลสำเร็จสูงสุดนั้นจะต้องปฏิบัติดูแลสวนยางเป็นอย่างดีทุกระยะ ไม่ว่าจะช่วงเริ่มต้นที่ยางเล็กหรือยางใหญ่ที่กรีดเอาน้ำยางแล้ว โดยเฉพาะยางเล็กก่อนปลูกหรือหลังปลูก

 

ยางไปแล้ว ในระหว่างแถวยางที่ว่างควรจะปลูกพืชคลุมดินเพราะจะทำให้ต้นยางเจริญเติบโตได้ดีกว่า แต่เจ้าของสวนยางบางรายอาจมีความจำเป็นที่จะหารายได้มาจุนเจือครอบครัว เพราะผลผลิตจากต้นยางพารากต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปีครึ่ง ฉะนั้นในช่วง 3 ปีแรกที่ต้นยางยังเล็กอยู่ก็สามารถปลูกพืชต่างๆลงไปในระหว่างแถวยางพารา พืชที่ปลูกลงไปนั้นเรียกว่า พืชแซมยาง
ยางพาราเป็นพืชที่มีระยะการปลูกที่กว้างในสวนยางที่ ปลูกใหม่จึงมีพื้ชที่ว่างในระหว่างแถวให้วัชพืชขึ้นได้ประมาณสองในสามของ พื้นที่ปลูก อาจเป็นหลายพันตาราเมตรในปีแรกและค่อยๆลดลงเมื่อเกิดร่มเงาในสวนยาง การปลูกพืชแซมในระหว่างแถวยางจึงเป็นวิธีการควบคุมวัชพืชทางอ้อม นอกจากนี้พืชแซมยังช่วยเสริมรายได้ให้กับชาวสวนในช่วง 3 ปีแรกและยังเป็นการใช้พื้นที่สวนยางให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วยการเพิ่มผล ผลิตต่อหน่วยพื้นที่ให้สูงขึ้น เหมาะกับพื้นที่ปลูกยางขนาดเล็ก 15-30 ไร่อีกทั้งปุ๋ยที่ใส่ให้พืชแซมยังเป็นประโยชน์ต่อต้นยางพาราอีกด้วย และเศษซากพืชหลังเก็บเกี่ยวผลิตยังช่วยคลุมดินไม่ให้วัชพืชงอกได้ระยะหนึ่ง ซากพืชเมื่อสลายตัวจะเป็นปุ๋ยบำรุงดินเป็นวิธีชะลอความเสื่อมโทรมของดินที่ ง่ายที่สุด
พืชแซมที่นำมาปลูกใหม่ระหว่างแถวยางควรปลูกตั้งแต่เริ่มปลูกยางใหม่ๆ จนยางอายุ 3 ปี แต่ไม่ควรเกิน 4 ปี พืชแซมควรเป็นพืชอายุสั้นๆ มีระบบรากตื้น เช่น พืชผัก พืช ไร ข้าว เป็นต้น ส่วนพืชที่มีลำต้นสูงใหญ่หรือมีหัวอยู่ใต้ดิน เช่น อ้อย มันสำปะหลัง และละหุ่ง ไม่ควรนำมาปลูกเป็นพืชแซม อีกอย่างหนึ่งคือถ้าดินมีความอุดมสมบูรณ์ที่ต่ำไม่ควรปลูกพืชแซม ควรที่จะปลูกพืชคลุมดินแทน การปลูกพืชแซมในระหว่างแถวยางในปีที่ 1 ปลูกให้ห่างจากโคนต้นยางข้างละ 1 เมตร ปีที่ 2-3 ปลูกให้ห่างจากโคนต้นยางข้างละ 1.5 เมตร

0 comments:

Post a Comment